หลุยส์ ฟิโก้ : เซ็นสัญญาซ้อนกับ ยูเว่ - ปาร์มา แต่สุดท้ายลงเอยกับ บาร์ซ่า

Maruak Tanniyom

May 23, 2024 · 1 min read

หลุยส์ ฟิโก้ : เซ็นสัญญาซ้อนกับ ยูเว่ - ปาร์มา แต่สุดท้ายลงเอยกับ บาร์ซ่า
ฟุตบอล | May 23, 2024

หากเอ่ยถึงนักเตะที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย หนึ่งในนั้นก็น่าจะเป็น หลุยส์ ฟิโก้ สตาร์ชาวโปรตุกีส โดยเฉพาะการย้ายข้ามขั้วจาก บาร์เซโลนา ไป เรอัล มาดริด จนทำให้ถูกตราหน้าว่า “ทรยศ”

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านั้น เขาก็เคยกลายเป็นข้อพิพาทมาก่อน ที่ทำให้ ยูเวนตุส และปาร์มา ต้องกินแหนงแคลงใจ

ย้อนกลับไปในปี 1995 ฟิโก้ ที่ตอนนั้นเพิ่งจะอายุเพียงแค่ 23 ปี กลายเป็นนักเตะที่ได้รับการจับตามองไปทั่วยุโรป หลังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกับ สปอร์ติง ลิสบอน

อันที่จริง ฟิโก้ สร้างชื่อมาตั้งแต่สมัยเยาวชน หลังพาโปรตุเกส U16 คว้าแชมป์ยูโรในปี 1989 ก่อนจะพาโปรตุเกส U20 คว้าแชมป์เยาวชนโลกได้ในปี 1991

ทำให้หลังจากขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงของ สปอร์ติง อย่างสม่ำเสมอ เขาก็กลายเป็นแข้งเนื้อหอม ก่อนจะได้รับความสนใจอย่างจริงจังจากทีมใน เซเรีย อา ของอิตาลี ถึง 2 ทีม

ทีมแรกคือ ยูเวนตุส แชมป์เก่า ที่อุดมไปด้วยสตาร์มากมายทั้ง เปาโล ซูซา, จานลูกา วิอัลลี, หรือ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร ขณะที่อีกทีมคือ ปาร์มา อันดับ 3 เมื่อฤดูกาลก่อน ที่มีนักเตะอย่าง จานลุยจิ บุฟฟอน, จานฟรังโก โซลา และ ฟาอุสติโน อัสปริญา

ปฏิบัติการแย่งตัวกันจึงเกิดขึ้น โดย ปาร์มา เป็นฝ่ายเดินเกมก่อน พวกเขาส่ง เฟเดริโก ปาสโตเรลโล ประธานสโมสร บินไปเจรจาถึงโปรตุเกส ขณะที่ ยูเวนตุส ใช้สายสัมพันธ์เชื้อชาติ ด้วยการส่ง ซูซา เพื่อนร่วมทีมชาติโปรตุเกส โทรมาชวนไปอยู่กับทีม

ทว่า หลังจากนั้น กลับกลายเป็น ลูเซียโน มอจจี ประธานของ ยูเวนตุส ที่บรรลุข้อตกลงมูลค่า 6,000 ล้านลีร์ หรือราว 2.6 ล้านปอนด์ กับ สปอร์ติง ในการดึงตัวกองกลางทีมชาติโปรตุเกส มาร่วมทัพ

แต่ปัญหาก็คือ ปาร์มา ก็ยืนยันว่าพวกเขาได้เซ็นสัญญากับ ฟิโก้ แล้วเช่นกัน พร้อมกับมีคำยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่า อดีตแข้งสปอร์ติง ได้ปฏิเสธ ยูเวนตุสไปแล้ว ดังนั้นทีมดังแห่งตูรินจึงไม่มีสิทธิ์

“สัญญาของผมกับสปอร์ติงกำลังจะหมดลง และสโมสรก็ไม่มีท่าทีจะเซ็นสัญญาฉบับใหม่ อย่างน้อยก็ไม่ ตอนที่ผมคิดว่ามันควรจะทำ” ฟิโก้ กล่าวกับ Life Beyond Sport

“พวกเขาบรรลุข้อตกลงกับยูเวนตุสแล้ว แต่ผมก็โกรธมากเมื่อมารู้ว่าผมได้เซ็นสัญญากับ ปาสตอเรลโล ประธานสโมสรปาร์มา”

อย่างไรก็ดี สุดท้ายก็ไม่มีทีมไหนได้ตัวเขาไป เพราะ ฟิโก้ ถูกลงโทษจากฟีฟ่า ด้วยการห้ามเซ็นสัญญากับทีมในอิตาลี เป็นเวลาถึง 2 ปี ที่เจ้าตัวออกมากล่าวในภายหลังว่าเขาโดนอำนาจมืดจากมาเฟียอิตาลีเล่นงาน

“มัน (สัญญากับปาร์มา) เป็นสัญญาเดียวจริง ๆ ที่ผมได้เซ็น สิ่งที่ผมเซ็นกับยูเวนตุส มันเป็นสัญญาที่ไม่ถูกต้อง” ฟิโก้ อธิบาย

“แต่ ลูเซียโน มอจจี ที่มีอิทธิพลในวงการฟุตบอลที่อาจจะมากกว่าในทุกวันนี้ จัดการแบนผมไม่ให้ได้เล่นในอิตาลี 2 ปี”

แต่ถึงอย่างนั้น ฟิโก้ ก็ยอมรับว่าเขาไม่ได้เสียใจที่ถูกล้มดีล เมื่อทีมที่เป็น “ตาอยู่” ที่ได้ตัวเขาไปคือ บาร์เซโลา ยอดทีมแห่งลาลีกา ที่คว้าตัวเขาไปด้วยค่าตัว 2.25 ล้านปอนด์

“บางทีมันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่โชคเข้าข้าง เพราะสุดท้ายผมได้ย้ายไปเล่นให้ บาร์เซโลนา” ฟิโก้ กล่าว

เพราะที่แห่งนี้เขาคือตำนาน หลังพาบาร์ซา คว้าแชมป์ลาลีกา และ โคปา เดอ เรย์ อย่างละ 2 สมัย รวมถึง ยูฟ่า คัพ วินเนอร์สคัพ อีกหนึ่งครั้ง ก่อนจะกลายเป็น “ผู้ทรยศ” หลังย้ายไปร่วมทีมคู่รักคู่แค้น อย่าง เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสถิติโลก 62 ล้านยูโร ในปี 2000