“มีการเสนอราคาจาก เลสเตอร์, คาร์ดิฟฟ์ และปีเตอร์โบโรห์ แต่ผมตัดสินใจเซ็นสัญญากับ เลสเตอร์ และผมก็อยู่ที่นั่นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
เจมี่ วาร์ดี้ ย้อนความหลังในวันที่ต้องตัดสินใจเลือกทางเดินของชีวิตนักฟุตบอล ซึ่งมันคือความพลิกผันครั้งใหญ่จนกลายเป็นตำนานแห่ง เลสเตอร์
ช่วงแรกของเขากับทัพ “สุนัขจิ้งจอก” วาร์ดี้ ยอมว่าเลยว่ามีคสวามกังวลมากมายที่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงจากลีกล่างของอังกฤา สู่ระดับที่สูงกว่ามันสร้างความประหม่าไม่น้อย เขาถึงขั้นยอมรับว่าเลยฝีเท้ายังไม่ถึงในระดับที่กำลังเผชิญหน้าอยู่
“ผมได้พูดคุยกับผู้จัดการทีม และผู้ช่วยสองคนของเขาในตอนนั้นทั้ง ไนเจล เพียร์สัน, สตีฟ วอลช์ และเคร็ก เชคสเปียร์ ผมบอกพวกเขาว่าผมไม่คิดว่าตัวเองดีพอสำหรับระดับนี้”
“ผมจำได้ว่าเคยขอให้ ฟลีตวูด ยืมตัวกลับกลับไป แต่ทั้งทั้งสามคนนั่งลงและพูดว่า ‘เราเชื่อในตัวคุณ เราพาคุณมาที่นี่ด้วยเหตุผล’ ซึ่งนั้นคือสิ่งที่ผมได้ยิน”
ซีซั่นแรกกับ เลสเตอร์ สถานะของ วาร์ดี้ สลับระหว่างตัวสำรอง กับตัวจริง ลงเล่นไปทั้งหมด 29 เกม กระทุ้งไป 5 ประตู แต่แล้ววันเวลาที่เขารอคอยก็มาถึงกับบทบาทที่สำคัฐมากกว่าเดิมในฐานะกองหน้าตัวเลือกแรกของสโมสร
“ผมกลับมาในฤดูกาลที่สองพร้อมความมั่นใจ และเจ้านายก็เลือกผมให้ออกสตาร์ทในเกมแรกกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ เราออกไปเยือน ผมทำประตูได้ในพร้อมทีมชนะ 2-1 และทุกอย่างในฤดูกาลนั้นก็เริ่มต้นขึ้น”
วาร์ดี้ คือคนสำคัญในการพา เลสเตอร์ เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2014 แม้ขวบปีแรกบนลีกสูงสุดครั้งแรกจะเกิดปัญหามากมาย ทั้งเรื่องผลิตประตู และสถานะของทีมที่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น
ทว่าช่วงเวลาเพียงไม่นาน วาร์ดี้ สถาปนาตัวเองเป็นกองหน้าเบอร์ต้นๆ ของลีก ซัดประตูกระจาย พร้อมเขียนเทพนิยายพา เลสเตอร์ เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก
จากนักเตะที่คิดว่าระดับฝีเท้าของตัวเองไม่เหมาะสมกับ แชมเปี้ยนชิพ สู่ผู้ยิ่งใหญ่แห่ง เลสเตอร์ อยู่ในทุกช่วงจังหวะของสโมสรตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
ในวัย 35 ปี สำหรับกองหน้าหลายคน อาจจะเป็นแค่ตัวอะไหล่หรือแบ็คอัพ แต่ไม่ใช่สำหรับ ดาริโอ ฮูนเนอร์ เมื่อเขายังสนุกกับการยิงประตูในลีกสูงสุด จนคว้ารางวัลดาวซัลโว เซเรียอา มาครองได้อย่างเหลือเชื่อ และนี่คือเรื่องราวของอดีตหนุ่มโรงงาน ที่ต้องลาออกจากมาเตะฟุตบอล ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงของยุค…
ในบรรดาการแข่งขันทั้งหมดของฟุตบอลยุโรป ไม่มีรายการไหนในระดับสโมสรที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนรายการที่เป็นเกียรติประวัติสูงสุดของทีมชาติสำหรับระดับทวีป ก็คือศึกยูโรที่จัดแข่งแบบ 4 ปีครั้ง นั่นจึงเป็นเรื่องยากที่จะคว้าแชมป์ทั้ง 2 รายการดังกล่าวได้ในปีเดียวกัน แต่ล่าสุด นาโช่ เฟร์นานเดซ,…
แกเรธ เซาธ์เกต บ่นไม่หยุดเรื่องนักเตะของเขาที่ไม่สามารถครองบอลได้ จนเป็นรองทุกประตูและแพ้ให้กับ สเปน ในนัดชิงชนะเลิศยูโร 2024 ซึ่งนอกจาก เซาธ์เกต แล้วยังมีทั้ง แกรี่ เนวิลล์ และ รอย คีน…
โรดรี้ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ยูโร 2024 อย่างสมภาคภูมิ ว่ากันว่าที่คือมิดฟิลด์เบอร์ 6 ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในยุคปัจจุบัน ที่มีพร้อมทั้ง ร่างกาย ทักษะ และความคิด โดยเฉพาะเรื่องของความคิดและไอเดียนั้น หลุยส์ เดอ ลา…