หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน หรือ 1 ทศวรรษที่ผ่านมา นั่นคือยุคที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มถอยหลังจากบัลลังก์สูงสุดไม่เหมือนกับยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ศึกใหญ่ แดงเดือด เมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ผลปรากฏว่าเป็น ลิเวอร์พูล ที่บุกไปถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงบ้าน 3-0 สำหรับ เวย์น รูนี่ย์ นั่นคือหนึ่งผลการแข่งขันที่ทำรับยอมรับยากที่สุดในปีนั้น
ถึงเขาจะเป็นดาวซัลโวของทีมที่ 19 ประตูในฤดูกาลนั้น แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับต้องจบที่อันดับ 7 ส่วน ลิเวอร์พูล กลายเป็นหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์ร่วมกับ เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นคือสิ่งที่เจ้าตัวรับไม่ได้
นับตั้งแต่ปี 1992 ในการเจอกันที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แมนฯ ยูไนเต็ด สถิติข่มกว่าชัดเจน โดยการเจอกัน 37 นัด ชนะไปถึง 22 นัด เสมอ 8 และแพ้ไป 7 นัด
ความพ่ายแพ้ในเกมนั้นนอกจากจะเป็นผลการแข่งขันที่ยอมรับไม่ได้แล้ว เท่านั้นยังไม่พอ เวย์น รูนี่ย์ ยังต้องมาเจอกับเรื่องที่เซอร์ไพรส์มากๆ อีก นั่นก็คือบรรยากาศในห้องแต่งตัวที่เปลี่ยนไปซึ่งพี่แกได้ย้อนอดีตให้ฟังว่า
“อันดับแรกเลยคือเราสูญเสียคนที่เป็นแกนหลักของทีม เราไม่มี ไรอัน กิ๊กส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช แล้ว เราสูญเสียตัวตนนั้นไปในห้องแต่งตัว”
“ตอนนั้นมีแค่ผมและ ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่ยังเล่นอยู่ในเจเนอเรชั่นนั้น จากนั้นก็มีผู้เล่นอย่าง เจสซี่ ลินการ์ด เข้ามา, แดนนี่ เวลเบ็ค และ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ พวกเขามีเส้นทางอาชีพที่ดี แต่มันไม่เคยเหมือนเดิม”
“ฟุตบอลมันกำลังเปลี่ยนไป หลังจบเกมกับ ลิเวอร์พูล (ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ปี 2014 ในยุคของ เดวิด มอยส์) พวกเด็กเหล่านี้เข้ามากัน และเต้นรำไปทั่วห้องแต่งตัวในวันถัดมา มีการเปิดเพลง ฮิปฮอป ด้วย”
“ผมจำได้ว่าผมเป็นคนเอาเพลงพวกนี้ออกไป คุณพยายามควบคุมมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่สุดท้ายแล้วคุณก็ทำมันไม่ได้จริงๆ “
ในวัย 35 ปี สำหรับกองหน้าหลายคน อาจจะเป็นแค่ตัวอะไหล่หรือแบ็คอัพ แต่ไม่ใช่สำหรับ ดาริโอ ฮูนเนอร์ เมื่อเขายังสนุกกับการยิงประตูในลีกสูงสุด จนคว้ารางวัลดาวซัลโว เซเรียอา มาครองได้อย่างเหลือเชื่อ และนี่คือเรื่องราวของอดีตหนุ่มโรงงาน ที่ต้องลาออกจากมาเตะฟุตบอล ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงของยุค…
ในบรรดาการแข่งขันทั้งหมดของฟุตบอลยุโรป ไม่มีรายการไหนในระดับสโมสรที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนรายการที่เป็นเกียรติประวัติสูงสุดของทีมชาติสำหรับระดับทวีป ก็คือศึกยูโรที่จัดแข่งแบบ 4 ปีครั้ง นั่นจึงเป็นเรื่องยากที่จะคว้าแชมป์ทั้ง 2 รายการดังกล่าวได้ในปีเดียวกัน แต่ล่าสุด นาโช่ เฟร์นานเดซ,…
แกเรธ เซาธ์เกต บ่นไม่หยุดเรื่องนักเตะของเขาที่ไม่สามารถครองบอลได้ จนเป็นรองทุกประตูและแพ้ให้กับ สเปน ในนัดชิงชนะเลิศยูโร 2024 ซึ่งนอกจาก เซาธ์เกต แล้วยังมีทั้ง แกรี่ เนวิลล์ และ รอย คีน…
โรดรี้ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ยูโร 2024 อย่างสมภาคภูมิ ว่ากันว่าที่คือมิดฟิลด์เบอร์ 6 ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในยุคปัจจุบัน ที่มีพร้อมทั้ง ร่างกาย ทักษะ และความคิด โดยเฉพาะเรื่องของความคิดและไอเดียนั้น หลุยส์ เดอ ลา…