เกาหลีใต้- ญี่ปุ่น 1954 : การล้างแค้นของผู้ถูกกดขี่ ที่มีตั๋วฟุตบอลโลกเป็นเดิมพัน

หากพูดถึงการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดในเอเชีย หนึ่งในนั้นต้องเป็นการเจอกันระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่ไม่ว่าพบกันครั้งไหน ก็จัดหนักจัดเต็ม แบบไม่มีใครยอมใคร

แน่นอนว่านอกจากจะเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันแล้ว ทั้งสองชาติยังมีความบาดหมางที่สืบเนื่องมาตั้งแต่อดีต ที่ทำให้การเจอกันของทั้งคู่เป็นมากกว่าการแข่งขัน  

แต่คงจะไม่มีเกมนัดไหน ที่จะเป็นที่จดจำไปกว่าการแข่งขันฟุตบอลโลก 1954 รอบคัดเลือก ที่นอกจากจะเป็นการชิงตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายที่สวิสเซอร์แลนด์แล้ว ยังเป็นการตัดสินว่าใครจะได้เป็นทีมจากเอเชียชาติที่ 2 ที่ได้ไปโชว์ฝีเท้าในเวิลด์คัพ

อย่างไรก็ดี สำหรับเกาหลีใต้แล้ว มันมีความหมายมากกว่านั้น เพราะนี่คือโอกาสที่จะได้แก้แค้นชาติที่กดขี่พวกเขามากว่า 35 ปี มาจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 

อันที่จริง ก่อนหน้านี้เกาหลีใต้ ก็เคยใช้ฟุตบอลตอบโต้ญี่ปุ่นมาก่อน ทั้งการที่ทีมสโมสรจากโซลสามารถบุกไปคว้าแชมป์เอ็มเพอร์เรอร์สคัพถึงแดนอาทิตย์อุทัยในปี 1935 (ช่วงที่ยังตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น) ไปจนถึงการจารึกชื่อในระดับโลกก่อนเพื่อนบ้าน ด้วยการเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโอลิมปิกที่ ลอนดอน ในปี 1948 

ขณะที่ ญี่ปุ่น พวกเขาก็มุ่งมั่นกับเกมนี้เช่นกัน เพราะมันคือการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ทัวร์นาเมนต์ที่ 2 ของพวกเขา (ต่อจากเอเชียนเกมส์ 1951) นับตั้งแต่ตกอยู่ในสถานะผู้พ่ายแพ้ในสงครามโลก ในปี 1945

ทั้งนี้ ในตอนแรกเกมมีกำหนดให้แข่งแบบ 2 นัดเหย้าเยือน ในวันที่ 7 และ 14 มีนาคม 1954 โดยนัดแรกจะเตะกันที่โตเกียว ส่วนอีกนัดที่โซล แต่ก็ถูกคัดค้านจาก อี ซึงมัน ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ในขณะนั้น ที่ไม่ยอมให้ชาวญี่ปุ่น มาเหยียบแผ่นดินของเขา 

เพราะในอดีต ซึงมัน มีความหลังฝังใจกับชาวญี่ปุ่น จากการที่มือของเขาถูกทหารญี่ปุ่นจุดไฟเผา ตอนที่โดนจำคุกในปี 1899 และทำให้สุดท้ายเกมนัดชิงดำต้องเตะที่โตเกียวทั้ง 2 เกม 

“แน่นอน เรารู้สึกว่ามันเป็นข้อได้เปรียบสำหรับเรา” เคน นางานูมะ นักเตะญี่ปุ่นในทีมชุดนั้นกล่าว

“การเล่นทั้งสองเกมต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง ทำให้เราเชื่อว่าเราจะชนะและเป็นตัวแทนของประเทศในเวทีโลก และนั่นก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรามาก” 

ทำให้ ซามูไรบลู ดูจะมีแต้มต่อกว่าผู้มาเยือนอย่างชัดเจน แถมก่อนหน้านั้นไม่ถึงปี นักเตะหลายคนของเกาหลีใต้ เพิ่งจะผ่านพ้นการรับใช้ชาติในสงครามเกาหลี ที่อุบัติขึ้นในช่วงปี 1950-1954 

ทว่าก่อนการแข่งขัน ทั้งสองทีมต้องเผชิญกับอุปสรรคเล็กน้อย เมื่อมีหิมะตกลงมาอย่างหนักปกคลุมไปทั่วสนาม เมจิ จิงงู สเตเดียม แต่สุดท้าย เจเจ ฮาราน กรรมการชาวอังกฤษ เชื้อสายฮ่องกง ก็ยืนยันว่าสามารถเตะได้ 

“ไม่มีใครสามารถเล่นในสนามแบบนั้นได้” รายงานจากหนังสือพิมพ์ Asahi Shimbun

เกมเริ่มต้นด้วยความเหนือกว่าของเจ้าบ้าน และเป็นฝ่ายได้ประตูออกนำอย่างรวดเร็วจาก นางานูมะ ในนาทีที่ 16 แต่เกาหลีใต้ก็ไม่ยอมแพ้ มาตีเสมอได้อย่างรวดเร็วจาก ชุง นัม ซิค ในนาทีที่ 22 ก่อนจะพลิกขึ้นนำ 2-1 จาก ชอย ควาง ซุค  และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นั้น 

ช่วงครึ่งหลัง ไม่รู้ว่า เกาหลีใต้ไปกินดีหมี หรือเพราะคำขู่ของ อี ซึงมัน ผู้นำของพวกเขาที่บอกว่าหากไม่สามารถกำชัยได้ ให้กระโดดลงทะเลไปเป็นอาหารปลา ตอนเดินทางกลับเกาหลี ที่ทำให้ผู้มาเยือนฮึดยิง 3 ประตูรวด จาก นัมซิค และชอย จุง มิน คนเดียว 2 ประตู พร้อมยัดเยียดความปราชัยให้แก่ญี่ปุ่นขาดลอย 1-5

 

“ชอย ชุง มิน เป็นนักเตะที่สุดยอด ด้วยความสมดุลทางร่างกายและความเร็ว เราหยุดเขาไม่ได้ เรารู้สึกเหมือนกับว่าเราเป็นเด็กที่กำลังเล่นอยู่กับผู้ใหญ่” ริวโซ ฮิรากิ นักเตะทีมชาติญี่ปุ่นในทีมชุดนั้นย้อนความหลัง 

แต่ แทกุ วอร์ริเออร์ส ก็ยังประมาทไม่ได้ เมื่อตอนนั้น ผลต่างประตูได้เสียไม่ได้มีผลในการตัดสินชัยชนะ และหากญี่ปุ่นสามารถเอาชนะได้ในเกมนัดที่ 2 พวกเขาก็ต้องไปเตะนัดเพลย์ออฟเพื่อตัดสินอีก 1 นัด 

14 มีนาคม 1954 คือวันตัดสิน และ เกาหลีใต้ ก็ต้องแปลกใจ เมื่อ ญี่ปุ่น เปลี่ยนผู้เล่นจากเกมนัดแรกถึง 8 คน ก่อนที่มันจะทำให้พวกเขาเพลี่ยงพล้ำไปก่อน หลังโดน โทชิโระ อิวาตานิ ซัดประตูเบิกร่องให้เจ้าบ้านตั้งแต่นาทีที่ 17  

แต่ เกาหลีใต้ ก็ไม่ยอมแพ้ และมาตามตีเสมอได้อย่างทันควันในอีก 3 นาทีต่อมา จาก นัม ซิค ฮีโร่จากนัดที่แล้ว อีกทั้งยังป็นฝ่ายพลิกขึ้นนำในนาทีที่ 43 จาก ชอย ชุง มิน 

ทำให้ครึ่งหลังกลายเป็น ญี่ปุ่น ที่โหมบุกหนักหวังทวงประตูคืน จนมาสำเร็จจาก อิวาตานิ ในนาทีที่ 61 แต่พวกเขาก็ทำได้ดีที่สุดแค่นั้น เมื่อไม่สามารถยิงประตูเพิ่มได้ในช่วงเวลาที่เหลือ พร้อมจบเกมไปด้วยสกอร์ 2-2 

จากผลดังกล่าวทำให้ เกาหลีใต้ กลายเป็นตัวแทนจากเอเชีย ที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 1954 แถมเป็นทีมแรกของทวีปที่ทำได้ขณะที่ไม่ได้อยู่ภายใต้อาณานิคมของชาติใด 

“เรารู้ว่าเราชนะได้ แต่เมื่อเกมจบลง เราแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น” ชุง นัม ซิค กล่าว

“เรากำลังจะได้ไปฟุตบอลโลก”  

สุดท้ายแล้ว แม้ว่าฟุตบอลโลกครั้งแรกของ เกาหลีใต้ จะไม่ได้เป็นที่น่าจดจำมากนัก เมื่อมันทัวร์นาเมนต์ที่มีแต่ปัญหา ทั้งการไม่มีเงินค่าเครื่องบินพอสำหรับผู้เล่นทุกคน ที่ทำให้ต้องส่งนักเตะตัวเก่งไปก่อน ส่วนที่เหลือให้เดินทางด้วยวิธีอื่นไปตามหลัง ไปจนถึงการเป็นทีมที่เสียประตูมากที่สุด ในการแข่งขัน (16 ประตู) แต่มันก็เป็นฟุตบอลโลกแห่งความภาคภูมิใจของชาวเกาหลี 

เพราะมันคงจะไม่มีอะไรที่ทำให้พวกเขามีความสุขไปกว่าการเขี่ย ญี่ปุ่น ชาติที่เคยกดขี่พวกเขาอย่างโหดร้าย ตกรอบต่อหน้าแฟนบอลคู่แข่ง แถมยังสามารถนับหนึ่งในฟุตบอลโลก ได้ก่อนคู่รักคู่แค้นของพวกเขาอีกด้วย

และทำให้เกมนัดนี้ เป็นหนึ่งในเกมที่ชาวเกาหลีใต้ไม่มีวันลืมจวบจนถึงปัจจุบัน

Maruak Tanniyom

Recent Posts

ทดสอบแท็กไทย 1

ทดสอบแท็กไทย 1

8 months ago

ข่าวฮอต

test1

11 months ago

ดาริโอ ฮูบเนอร์ : จากคนโรงงานสู่ดาวซัลโวเซเรียอา ที่ไม่เคยติดทีมชาติ

ในวัย 35 ปี สำหรับกองหน้าหลายคน อาจจะเป็นแค่ตัวอะไหล่หรือแบ็คอัพ แต่ไม่ใช่สำหรับ ดาริโอ ฮูนเนอร์ เมื่อเขายังสนุกกับการยิงประตูในลีกสูงสุด จนคว้ารางวัลดาวซัลโว เซเรียอา มาครองได้อย่างเหลือเชื่อ และนี่คือเรื่องราวของอดีตหนุ่มโรงงาน ที่ต้องลาออกจากมาเตะฟุตบอล ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงของยุค…

1 year ago

การ์บาฆัล, นาโช่, โฆเซลู รายล่าสุด : รวม 17 ได้แชมป์ยุโรปทั้งสโมสรและทีมชาติในปีเดียวกัน

ในบรรดาการแข่งขันทั้งหมดของฟุตบอลยุโรป ไม่มีรายการไหนในระดับสโมสรที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนรายการที่เป็นเกียรติประวัติสูงสุดของทีมชาติสำหรับระดับทวีป ก็คือศึกยูโรที่จัดแข่งแบบ 4 ปีครั้ง นั่นจึงเป็นเรื่องยากที่จะคว้าแชมป์ทั้ง 2 รายการดังกล่าวได้ในปีเดียวกัน แต่ล่าสุด นาโช่ เฟร์นานเดซ,…

1 year ago

ย้อนหลังชวนให้คิด สถิติเผย พิคฟอร์ด เอาแต่สาดจนเกมอังกฤษพัง

แกเรธ เซาธ์เกต บ่นไม่หยุดเรื่องนักเตะของเขาที่ไม่สามารถครองบอลได้ จนเป็นรองทุกประตูและแพ้ให้กับ สเปน ในนัดชิงชนะเลิศยูโร 2024 ซึ่งนอกจาก เซาธ์เกต แล้วยังมีทั้ง แกรี่ เนวิลล์ และ รอย คีน…

1 year ago

จากปากคนใกล้ตัว : ชำแหละ “สมองคอมพิวเตอร์” ของ โรดรี้

โรดรี้ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ยูโร 2024 อย่างสมภาคภูมิ ว่ากันว่าที่คือมิดฟิลด์เบอร์ 6 ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในยุคปัจจุบัน ที่มีพร้อมทั้ง ร่างกาย ทักษะ และความคิด โดยเฉพาะเรื่องของความคิดและไอเดียนั้น หลุยส์ เดอ ลา…

1 year ago