ส่องพัฒนาการจอร์เจีย : จากเคยต่ำกว่าไทย สู่การผงาดในยูโร 2024
บรรยากาศอันชื่นมื่นของเหล่านักเตะจอร์เจีย คงสามารถบรรยายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจของพวกเขาได้เป็นอย่างดี หลังทีมจากยุโรปตะวันออก ได้ผ่านเข้าไปเล่นในยูโร รอบน็อคเอาท์ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ดี ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อน จอร์เจีย ไม่ต่างจากคนป่วยแห่งยุโรป พวกเขามีปัญหามากมาย ส่วนผลงานในสนามก็ย่ำแย่ จนร่วงลงไปอยู่ในอันดับ 154 ของโลกในเดือนสิงหาคม ซึ่งต่ำกว่าทีมชาติไทยเสียอีก (อันดับ 139)
ทว่า วันนี้ จอร์เจีย กลายเป็น 1 ใน 16 ทีมในรอบน็อคเอาท์ยูโร 2024 พวกเขาทำได้อย่างไร? ติดตามไปพร้อมกัน
สำหรับนักเตะจอร์เจีย อันที่จริง ในอดีตฝีเท้าของพวกเขาก็ไม่เป็นรองใคร แต่สิ่งที่ขวางกั้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องก็คือการต้องอยู่ใต้ร่มเงาของสหภาพโซเวียตอยู่หลายสิบปี
พวกเขาถูกผนวกเข้ากับจักรวรรดิรัสเซียมาตั้งแต่ปี 1801 และแม้ว่าจะประกาศเอกราชหลังราชวงศ์โรมานอฟถูกโค่นล้มในปี 1918 แต่ในอีก 3 ปีต่อมา จอร์เจีย ก็ถูกกองทัพแดงเข้ายึดครอง และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตนับตั้งแต่นั้น
ทำให้ไม่ว่าจะมีผู้เล่นฝีเท้าดีมากแค่ไหน พวกเขาก็จะกลายเป็นสมบัติของส่วนกลางทั้งหมด และตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุดคือขุนพลของโซเวียตชุดคว้าแชมป์ยูโร ครั้งแรกเมื่อปี 1960 นั้นมีนักเตะชาวจอร์เจีย ถึง 6 ราย
แต่ถึงอย่างนั้น จอร์เจีย ก็ยังสามารถสร้างชื่อได้บ้าง จากการที่ ดินาโม ทบิลิซี สามารถก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกโซเวียตได้ถึง 2 สมัย และ โซเวียตคัพอีก 2 ครั้ง รวมถึงการคว้าแชมป์ยุโรป อย่างคัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1981
อย่างไรก็ดี หลังได้รับเอกราชในปี 1991 ฟุตบอลของพวกเขาก็ถดถอยลง อันเนื่องมาจากการขาดแคลนระบบโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นผลมาจากการปกครองแบบรวมศูนย์ของโซเวียต และถูกซ้ำเติมจากสงครามที่อับคาเซียในปี 1992 ที่มีผู้คนล้มตายไปนับ 30,000 คน
“ในสมัยโซเวียต มันเป็นระบบรวมศูนย์” จอร์จ คิปิอานี ผู้อำนวยการเทคนิคของ ดินาโม ทบิลิซี และลูกชายของ เดวิด คิปิอานี อดีตเพลย์เมกเมกเกอร์ทีมชาติโซเวียตกล่าว
“ตอนที่เราเริ่มต้นทำอะไรด้วยตัวเอง ทั้งจัดการแข่งขัน สร้างโค้ช สร้างผู้เล่น สร้างสนามใหม่ เราไม่มีอะไรเลย เราไม่ได้เตรียมตัวเพื่อสิ่งนั้น”
และแม้ว่าพวกเขาจะทำผลงานได้ไม่เลวในยูโร 1996 รอบคัดเลือก ไม่ว่าจะเป็นการถล่ม เวลส์ 5-0 หรือการเอาชนะ บัลแกเรีย ที่มี ฮริสโต สตอยคอฟ อดีตผู้เล่นบาร์เซโลนา นำทีม แต่ เลวาน กวิเนียนนิดเซ อดีตฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ ดินาโม ทบิลิซี มองว่ามันเป็นแรงเฉื่อยจากระบบของโซเวียต

“นั่นเป็นเพราะแรงเฉื่อย ระบบของโซเวียตสามารถทำงานได้หลายแบบ และอย่างน้อยมันก็มีด้านที่เข้าท่า มันคือระบบจะดีหรือเลวมันก็คือระบบ” กวิเนียนนิดเซ อธิบาย
“แต่ในช่วงทศวรรษที่ 1990s มันไม่มีสนามให้เด็กได้ซ้อมฟุตบอลเลย มันไม่มีอาหาร ไม่มีไฟ ไม่มีห้องอาบน้ำไว้อาบน้ำหลังเกม”
แม้ว่าในปี 2003 ประเทศจะเริ่มลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้บ้างจากการปฏิวัติดอกกุหลาบ หรือการล้างบางการคอรัปชั่นครั้งใหญ่ของประเทศ แต่สำหรับฟุตบอล ทีมชาติของพวกเขาเหมือนอยู่ในสภาวะเมาหมัด ที่ยังคงทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ จนอันดับโลกร่วงกราวมาอยู่ที่ 154 ของโลก ต่ำกว่าไทยที่ตอนนั้นอยู่ในอันดับ 139 ของโลกเสียอีก
ทว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ใช่ว่า จอร์เจีย จะไร้สตาร์อย่างสิ้นเชิง เพราะอันที่จริงพวกเขาก็สามารถสร้างผู้เล่นไปเล่นในลีกใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง ไมว่าจะเป็น จอร์จี คินคลัดเซ ที่เคยเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงปี 1995-1998 หรือ คาคา คาลัดเซ ที่เป็นนักเตะคนแรกของประเทศ ที่คว้าแชมป์ยุโรป กับ เอซี มิลาน
“สิ่งสำคัญมันหายไป และผมก็เปิดกว้างกับเรื่องนี้มาตลอด ไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่เป็นตอนที่ผมกำลังเล่นอยู่และเป็นผู้นำให้ทีมชาติ” ซูรับ โคเบียชวิลี อดีตกัปตัน จอร์เจีย กล่าวกับ The Guardian
“เราขาดแคลนคำวิจารณ์ตัวเองอยู่เสมอ และเราก็ไม่เคยเล่นได้ดีในฐานะทีม”
หลายอย่างก็เปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่ โคเบียชวิลี เข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลในปี 2015 เมื่อเขาเข้ามารื้อโครงสร้างใหม่ ไปพร้อมกับปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้น
โคเบียชวิลี เริ่มจากการปรับโครงสร้างลีกสูงสุดให้เหลือเพียงแค่ 10 ทีม เพื่อให้คุณภาพโดยรวมดีขึ้น จนทำให้ยอดแฟนบอลรวมในลีกสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 200,000 คน เมื่อ 9 ปีก่อน มาเป็น 2.2 ล้านคนเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้เขายังให้ความสำคัญไปกับการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐาน ที่ทำให้ นับตั้งแต่ปี 2016 มีสนามฟุตบอลที่ถูกปรับปรุงใหม่มากถึง 37 สนาม และอีก 18 สนามถูกสร้างขึ้นมาใหม่
ขณะเดียวกัน โคเบียชวิลี ยังมุ่งเน้นการสร้างนักเตะรุ่นใหม่สู่ทีมชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างพูลทีมชาติให้ใหญ่ที่สุดและมีคุณภาพเท่าที่ทำได้ โดยมีเหล่าอคาเดมีของสโมสรในลีกเป็นแรงหนุน
และมันก็ไปได้ด้วยดีเมื่อ จอร์เจีย ที่มีนักเตะลงทะเบียนกับสมาคมฯแค่เพียง 14,676 คนในปี 2015 มียอดเพิ่มมาเป็นเกือบ 40,000 คนในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าไม่น้อยสำหรับประเทศที่มีประชากรเพียง 3.7 ล้านคน
แต่ที่สำคัญที่สุด โคเบียชวิลี ยังได้สร้างแบรนด์ของทีมชาติขึ้นมาใหม่ ด้วยคำขวัญที่อยู่หลังปกเสื้อนักเตะว่า “ความแข็งแกร่งอยู่ในตัวเรา” ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ความแข็งแกร่งอยู่ในความสามัคคี” ซึ่งเป็นคำขวัญของประเทศ

“การรีแบรนด์ครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อคืนอำนาจให้แก่บุคคล” กวิเนียนนิดเซ ที่มีส่วนในการรีแบรนด์อธิบายไอเดียการพยายามทำลายแนวคิดเดิมของสหภาพโซเวียต ที่ให้ความสำคัญแก่ส่วนรวม
“และเมื่อปัจเจกชนเหล่านี้มารวมตัวกันพวกเขาก็สามารถสร้างความสามัคคี เพื่อก้าวไปสู่จุดสูงสุดได้”
ความสำเร็จของ จอร์เจีย ในวันนี้ จึงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ชัวข้ามคืน แต่เกิดจากความจริงจังในการวางรากฐาน และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล จากอดีตนักเตะที่เคยผ่านประสบการณ์ในลีกใหญ่ ที่ได้มาบริหารสมาคมฯ
ด้วยเหตุนี้ การเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในยูโร 2024 ของ จอร์เจีย อาจจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะพวกเขายังมีโอกาสในการสร้างสถิติอีกมากมาย และที่สำคัญทุกย่างก้าวต่อจากนี้มันคือ “ประวัติศาสตร์” ทั้งสิ้น
Picks and Pick'em is here!
More teams, more wins. Join a public league and draft instantly.